Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

งีบอย่างสร้างสรรค์ เพิ่มพลังสมอง

ศาสตราจารย์ ดร.เดวิด เอฟ. ดิงเกส ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์การนอนหลับและประสาทชีววิทยาทางระบบหายใจ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การงีบหลับช่วยพัฒนาสมอง และช่วยให้ความจำดีขึ้น เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้สมองจัดระเบียบข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาให้เป็นระบบ
นอกจากนี้ เมื่อสมองปลอดโปร่ง ร่างกายจึงกระปรี้กระเปร่า และอารมณ์ดีขึ้นตามมา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในช่วงบ่าย และลดความเครียดได้อีกด้วย
เพื่อการงีบหลับให้ได้ผลดี อย่ามองข้ามข้อปฏิบัติเหล่านี้
เลือกเวลา ช่วง 13.00 – 15.00 น. เป็นเวลาที่สอดคล้องกับวงจรการนอนของนาฬิกาชีวิต การงีบหลับในช่วงนี้จะไม่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน
เลือกสถานที่เงียบสงบ มีความมืด และอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป
ตั้งนาฬิกาปลุก ควรหลับสั้นๆ ไม่เกิน 30 นาที เพราะหากงีบหลับนานเกินไปจะทำให้เข้าสู่ช่วงหลับลึก ซึ่งยิ่งทำให้เกิดอาการง่วง และอ่อนเพลียหลังจากตื่นนอน รวมถึงอาจทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืนได้
ลองงีบระหว่างวัน แล้วสังเกตถึงความปลอดโปร่งโล่งสบายของสมองหลังตื่นดูสิคะ

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

เพื่อให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ ตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ คุณควรรับประทานอาหาร 4 อย่างต่อไปนี้ :

สตรอเบอร์รี่ : รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น สตรอเบอร์รี่ อาจช่วยขจัดริ้วรอยและความแห้งกร้าน
ตามอายุได้ ผลจากการวิจัยในปี 2007 ใน American Journal of Clinical Nutrition  วิตามิน ซี ช่วยทำให้ผิวเรียบ
เนียนเพราะอาจเป็นผลจากความสามารถในการดูดซับอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตและบทบาทใน
การสังเคราะห์คอลลาเจน (วิตามิน ซี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตคอลลาเจน ) คุณสามารถหาวิตามินซีจาก
เครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อที่อ้างถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิว แล้วทำไมคุณไม่ไปรับประทานอาหารที่ให้
วิตามิน ซีโดยตรง เช่น มะละกอ, บร็อคเคอรี่ และส้มเป็นต้น

มะเขือเทศ : มะเขือเทศมีสีแดงที่ได้รับจาก Lycopene  carotenoid ที่อาจช่วยให้ผิวของคุณเรียบเนียน
จากผลการศึกษาที่เผยแพร่ในปี 2008 ในวารสาร the European Journal of Pharmaceutics and
Biopharmaceutics พบว่าในตัวอย่างคน 20 คน คนที่มีความเข้มข้นของ Lycopene ที่ผิวสูงกว่ ามีผิวที่
เนียนกว่า นอกจากมะเขือเทศแล้วคุณสามารถเพิ่มปริมาณ Lycopene ได้ด้วยการรับประทาน แตงโมและแครอท

เต้าหู้ : เต้าหู้และอาหารที่ปรุงจากถั่วเหลือง อื่น ๆ เช่น edamame และนมถั่วเหลืองอาจช่วยรักษาผิวกระชับ
โดยคอลลาเจนเพราะอุดมไปด้วย isoflavones จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน วารสาร American College of
Nutrition พบว่าหนูที่ได้รับสาร isoflavonesและให้มันสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต ผิวของมันมีริ้วรอยน้อยกว่า
หนูที่ได้สัมผัสกับแสงยูวี แต่ไม่ได้รับ isoflavones นักวิจัยเชื่อว่า isoflavones ช่วยป้องกันการสลายคอลลาเจน

ปลาทูน่า : การรับประทานปลาทูน่า และปลาอย่างอื่นที่มีสาร omega  3 เช่นแซลมอน  ปลาซาร์ดีนและ
ปลาเทราท์ - อาจช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ ขอบคุณสารโอเมก้า 3 ไขมัน EPA (eicosapentaenoic acid)
EPA เป็นสารรักษาคอลลาเจน 

วันนี้ คุณหายใจเป็นแล้ว หรือยัง...?

คนเราส่วนมากมักจะไม่ค่อยสนใจ เรื่องการหายใจเท่าใดนัก ถือว่า เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ เพราะเมื่อเกิดมา ใครๆก็หายใจได้โดยอัตโนมัติ จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหายใจมากนัก หารู้ไม๊ว่า จะเกิดผลเสียจากการหายใจ ที่ไม่ถูกต้องคือ
1. ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป
2. มีอากาศเก่าตกค้างอยู่ในปอดมาก
3. มักจะอ่อนเพลีย มึนงง เหนื่อยง่าย และใจสั่น
4. ร่างกายอ่อนแอ
ผลดีของการหายใจที่ถูกต้อง
1. ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น
2. มีอากาศเก่าตกค้างอยู่ในปอดน้อย
3. ความเครียด หอบหืด ไซนัส ก็จะบรรเทาลง
4. นอนหลับดีขึ้น
5. ไม่ค่อยอ่อนเพลีย สมองไม่มึนงง ไม่เหนื่อยง่าย และใจไม่สั่น
6. ร่างกายแข็งแรงขึ้น อายุยืน
รายละเอียด

1. ลักษณะการหายใจที่ถูกต้อง คือ หายใจยาวหรือลึก โดยสังเกตหายใจเข้า ท้องจะพอง และหายใจออก ท้องจะยุบ(หายใจเข้า ช้า ๆ สัก 3 วินาที และหายใจออก ช้า ๆสัก 3 วินาที)
2. บริหารกาย (หายใจเข้า-ออก)ยืนตรง ให้เท้าทั้งสองห่างกันพอสมควร (เพื่อมิให้ล้มง่าย)มือทั้งสองเหยียดตรง อยู่ด้านหน้าระหว่างขา หลังมือหันออกไปด้านหน้า จากนั้น ให้หายใจเข้าช้า ๆ พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นช้า ๆไปข้างหน้า จนกระทั่ง มือทั้งสองข้างอยู่เหนือศีรษะ หันฝ่ามือไปด้านหน้าแขนเหยียดตรง และยกมือให้เลยศีรษะไปด้านหลังมาก ๆเท่าที่จะทำได้
3. บริหารท่าผ่อนคลายก่อนนอน ให้นอนหงายบนเตียงนอน ในท่าสบาย ผ่อนคลายทุกส่วนมือและเท้า กางออกเล็กน้อย หงายมือ หลับตา สูดหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ สัก 20 ครั้ง จะทำให้รู้สึกดีขึ้นและช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นด้วยดร. แอนดรู ไวล์ แพทย์แนวหน้าผู้บุกเบิกการบำบัดรักษาโรคและการดูแลสุขภาพด้วยวิธีการแพทย์แบบผสมผสาน ได้กล่าวถึง ความสำคัญของการหายใจว่า

"ลมหายใจเป็นตัวเชื่อมระหว่างร่างกายกับจิตใจและจิตสำนึกลมหายใจเป็นกุญแจสำคัญที่จะควบคุมอารมณ์ทั้งหลาย และควบคุม
การทำงานของระบบประสาทสั่งการอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ลมหายใจยังเป็นดัชนีบ่งถึงการแปรผันในจิตใจต่อเรื่องที่ผ่านเข้ามา หากให้ความสนใจกับลมหายใจ เราจะสามารถเคลื่อนเข้าสู่การผ่อนคลายและเข้าสู่สมาธิโดยอัตโนมัติ